[ ABOUT SUNSCREEN ] ประเภทของกันแดด

Physical Sunscreen / Mineral Sunscreen

ครีมกันแดดแบบกายภาพ ที่ทำงานโดย สะท้อนและกระจายรังสี UV ออกจากผิว แทนที่จะซึมเข้าสู่ผิวเหมือนกันแดดเคมี
หลักการทำงานของ Physical Sunscreen “ เมื่อทาลงบนผิว จะสร้าง ชั้นป้องกัน (Barrier) ที่ช่วยสะท้อนรังสี UV ออกไป “
EX. : Zinc Oxide → ป้องกันได้ทั้ง UVA และ UVB และ Titanium Dioxide → ป้องกัน UVB และ UVA บางส่วน
ข้อดี-ข้อเสีย
เหมาะกับใคร
ข้อดี:
✓ อ่อนโยนต่อผิว เหมาะกับผิวแพ้ง่ายและเด็กเล็ก
✓ ออกฤทธิ์ทันที ไม่ต้องรอ 15-20 นาทีเหมือนกันแดดเคมี
✓ มีเสถียรภาพสูง ไม่เสื่อมสภาพง่ายเมื่อโดนแสงแดด
ข้อเสีย:
✓ อาจทิ้งคราบขาว (White Cast) บนผิว โดยเฉพาะกับผิวเข้ม
✓ เนื้อสัมผัสค่อนข้างหนักและเหนียวกว่ากันแดดเคมี
✓ ล้างออกยากกว่ากันแดดเคมี
✓ ผิวแพ้ง่าย / ผิวเด็กเล็ก – เพราะไม่มีสารเคมีที่ระคายเคือง
✓ คนที่ทำเลเซอร์ / ผิวมีปัญหาสิว / ผิวไวต่อแสง – ป้องกันการระคายเคืองได้ดี
✓ คนที่ต้องการกันแดดที่ปลอดภัยต่อปะการัง (Reef-Safe) – ส่วนใหญ่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
Chemical Sunscreen

ครีมกันแดดแบบเคมี เป็นกันแดดที่ทำงานโดย ดูดซับรังสี UV แล้วเปลี่ยนเป็นพลังงานความร้อนก่อนปล่อยออกจากผิว
หลักการทำงานของ Chemical Sunscreen
1). ซึมเข้าสู่ผิว → สารกันแดดเคมีจะซึมลงไปในชั้นผิวหนังแทนที่จะเคลือบอยู่บนผิวเหมือนกันแดดกายภาพ
2). ดูดซับรังสี UV → เมื่อรังสี UV กระทบผิว สารกันแดดจะทำหน้าที่ ดูดซับ พลังงานจากรังสี
3). เปลี่ยนเป็นพลังงานความร้อน → หลังจากดูดซับรังสี UV สารกันแดดจะเปลี่ยนพลังงานนี้ให้กลายเป็น ความร้อนระดับจิ๋วซึ่งร่างกายสามารถปล่อยออกไปได้
4). ป้องกันไม่ให้ UV ทำลายเซลล์ผิว → ลดความเสี่ยงของการเกิดริ้วรอย จุดด่างดำ และมะเร็งผิวหนัง
ข้อดี-ข้อเสีย
เหมาะกับใคร
ข้อดี:
✓ เนื้อบางเบา เกลี่ยง่าย – ไม่เป็นคราบขาว (White Cast)
✓ ซึมซาบเร็ว – เหมาะกับการแต่งหน้าเพราะไม่หนักผิว
✓ กันน้ำ กันเหงื่อได้ดี – เหมาะสำหรับกิจกรรมกลางแจ้ง
ข้อเสีย:
✓ ต้องรอ 15-20 นาทีหลังทา – เพื่อให้กันแดดซึมก่อนออกแดด
✓ อาจเสื่อมสภาพได้ง่าย – หากสัมผัสแดดนาน ๆ อาจต้องทาซ้ำบ่อย
✓ ผิวมัน / ผิวเป็นสิว / ผิวธรรมดา – เพราะเนื้อบางเบา ไม่หนักผิว
✓ คนที่ต้องแต่งหน้าทุกวัน – เพราะไม่เป็นคราบขาว
✓ คนที่ทำกิจกรรมกลางแจ้ง – เพราะกันน้ำและเหงื่อได้ดี
Hybrid Sunscreen

ครีมกันแดดที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในปัจจุบัน ครีมกันแดดที่รวมคุณสมบัติของทั้ง Physical Sunscreen และ Chemical Sunscreen เข้าไว้ด้วยกัน มีกลไกการทำงาน คือ “ดูดซับและสะท้อนรังสี UV ออกไปจากผิว” ผสมข้อดีของทั้งสองประเภททำให้ได้ประสิทธิภาพในการกันแดดสูงขึ้น เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันแสงแดด ลดจุดอ่อนของแต่ละประเภท และทำให้ได้ผลิตภัณฑ์กันแดดที่เหมาะกับทุกสภาพผิว
หลักการทำงานของ Hybrid Sunscreen ใช้หลักการทำงาน 2 ขั้นตอน ในการปกป้องผิว :
1). สะท้อนและกระจายรังสี UV (Physical Sunscreen Mechanism)
ลดการดูดซึมของรังสีเข้าสู่ผิวโดยตรง
ป้องกัน UVA (รังสีที่ทำให้ผิวแก่) และ UVB (รังสีที่ทำให้ผิวไหม้)
2). ดูดซับและแปลงรังสี UV เป็นพลังงานความร้อน (Chemical Sunscreen Mechanism)
เปลี่ยนรังสี UV เป็นพลังงานความร้อน และปล่อยออกจากผิว
ช่วยให้เนื้อครีมซึมง่าย ไม่ทิ้งคราบขาว และติดทนนาน
ข้อดี-ข้อเสีย
ข้อดี :
✓ ป้องกันรังสี UV ได้ครบถ้วน ทั้ง UVA และ UVB ✓ ให้ความเสถียรสูง ลดปัญหาสารกันแดดเสื่อมสภาพเมื่อสัมผัสแสง ✓ ลดปัญหาคราบขาว (White Cast) จาก Physical Sunscreen ✓ เนื้อสัมผัสบางเบา ซึมง่าย ไม่เหนอะหนะ ✓ เหมาะกับผิวแพ้ง่าย เพราะใช้สารกันแดดแบบกายภาพร่วมด้วย ✓ กันน้ำและกันเหงื่อได้ดีขึ้น เนื่องจากสารกันแดดเคมีช่วยยึดเกาะผิว
ข้อเสีย :
✓ อาจมีส่วนผสมของสารกันแดดเคมีที่บางคนอาจแพ้ ✓ ราคาสูงกว่ากันแดดทั่วไป เนื่องจากใช้เทคโนโลยีผสมผสาน
เหมาะกับใคร
✓ ผู้ที่ต้องการกันแดดที่มีประสิทธิภาพสูง แต่ไม่อยากให้ผิวดูขาววอก
✓ คนที่มีผิวแพ้ง่าย แต่ไม่ชอบเนื้อสัมผัสหนักของ Physical Sunscreen
✓ คนที่ต้องการครีมกันแดดที่ติดทนและปกป้องผิวได้ดีขึ้น
ตารางเปรียบเทียบประเภทของกันแดด

ดังนั้น การเลือกครีมกันแดดที่เหมาะสมขึ้นอยู่กับ สภาพผิว, กิจกรรมที่ทำ, และ ความต้องการของแต่ละบุคคล สิ่งสำคัญคือต้องเลือก ค่า SPF และ PA ที่เพียงพอ และ ทาครีมกันแดดอย่างสม่ำเสมอ เพื่อปกป้องผิวจากรังสี UV และลดความเสี่ยงของปัญหาผิวในระยะยาว
✨ กันแดดที่ดี ไม่ใช่แค่เลือกให้เหมาะ แต่ต้องใช้ให้ถูกต้อง และใช้อย่างต่อเนื่อง 🌞💖